5. พ่อครัว มั่วแหลก
มีหลายครั้งอยู่เหมือนกันที่เพื่อน ๆ ต่างชาติขอร้องให้เราทำอาหารไทย ซึ่งก็ต้องจำยอมทำ ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าฝีมือตนเองไม่ได้เรื่องแค่ไหน บางครั้งก็พยายามบอกเพื่อนว่าอย่าเสี่ยงชีวิตเลย มันไม่คุ้มกันหรอก แต่ก็มีที่ดึงดันอยากลอง สำหรับตัวเราแล้ว อาหารก็เป็นประสบการณ์ทางวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง ดังนั้นโดยส่วนตัวแล้วจะทดลองกินทุกอย่างที่มีคนเอามาให้ ส่วนกินได้หรือกินไม่ได้ค่อยว่ากันทีหลัง การทดลองกินอาหารของชาติใดชาติหนึ่ง นั่นหมายความว่าเรายอมรับในวัฒนธรรมของชาตินั้น ถ้าเรากินไม่ได้จริง ๆ ก็ไม่มีใครฝืนใจเราหรอก แต่การปฏิเสธทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ทดลอง นั่นถือเป็นการไม่ให้เกียรติกัน
หลังจากเพื่อน ๆ รุมเร้าขอทดลองอาหารไทยอยู่หลายครั้ง เมนูจานเด็ดจึงออกมา เริ่มด้วยของง่าย ๆ ก่อนนั่นก็คือ ข้าวผัด เพราะไม่ยุ่งยากอะไรเท่าไหร่ หม้อหุงข้าว กระทะ ตะหลิวที่ทำจากไม้ ก็มีเตรียมไว้พร้อมแล้ว ส่วนซ้อสถั่วเหลืองก็หาซื้อได้ตามร้านค้าคนลาว แล้วเพื่อน ๆ ก็ได้ชิมข้าวผัดแบบไทย ๆ จานแรกในชีวิตของพวกเขา ซึ่งนับว่าประสบความสำเร็จพอสมควร อย่างน้อยก็ไม่มีใครต้องเข้าโรงพยาบาล แถมยังมาขอทดลองอาหารไทยอย่างอื่นอีก ที่จริงคนที่กินข้าวพร้อมกับเราในหอพักก็จะได้ชิมอาหารไทยไปเรื่อย ๆ เช่น ผักผัดน้ำมันหอย ข้าวผัดซ้อสพริก หรือไม่ก็ข้าวผัดมันกุ้ง
ไม่ใช่จะมีแต่เราคนเดียวที่ทำอาหารแปลก ๆ ให้ได้ชิมกัน เพื่อนร่วมหอคนอื่น ๆ ก็ทยอยทำอาหารจานเด็ดของตนออกมาแลกเปลี่ยนกัน
ชิม เป็นต้นว่า กูสกูส (Couscous) ตำรับตูนิเซียของเฟาซี ไก่ราดซ้อสเห็ดตำรับฝรั่งเศสและไวน์ร้อนของปาสกาล ติรามิซูขนมอร่อยจากสาว ๆ อิตาลี ข้าวผัดไปล่าฝีมือคู่หนุ่มสาวจากสเปน และอื่น ๆ อีกมากมาย เราติดใจข้าวห่อสาหร่ายของสาวเกาหลีเป็นพิเศษ จึงลงมือเรียนและทำด้วยตนเอง หลังจากดัดแปลงสูตรให้เข้ากับลิ้นคนไทยแล้ว ข้าวห่อสาหร่ายของเราจึงเป็นที่ติดอกติดใจของเพื่อนคนไทยและเพื่อนฝรั่งเศสบางคนเป็นอันมาก พูดตรง ๆ ว่าไม่เคยประสบความสำเร็จจากการทำอาหารเท่าการทำข้าวห่อสาหร่ายมาก่อน
เมื่อเข้าปีที่สอง ผู้เขียนก็มีลูกค้าประจำอาหารไทยเพิ่มขึ้นเป็นสองคน หลังจากได้ปาสกาลมาไว้เป็นหนูทดลองเป็นคนแรก คนที่สองก็ไม่ใช่ใครอื่นไกล เฟรดเดริก เพื่อนร่วมชั้นเรียนนั่นเอง ทั้งสองคนนี้กินทุกอย่างที่ผู้เขียนยื่นให้ ไม่ว่าจะเป็นขนมที่คุณพ่อคุณแม่ส่งมาจากเมืองไทยหรือที่ซื้อมาจากร้านขายของจากเอเชีย ครั้งแรกที่เฟรด (ชื่อย่อ เฟรดเดริก) กินอาหารไทยก็เกิดอาการติดอกติดใจผัดผักน้ำมันหอยและไข่เจียวหมูสับเป็นอันมาก กล่าวชื่นชมไม่หยุดปาก เราภูมิใจมากก็รีบไปเล่าให้เพื่อนคนไทยที่ทำอาหารเก่งมากฟัง ว่าอย่างน้อยก็มีคนติดใจฝีมือเราแล้ว เพื่อนคนนั้นคงหมั่นไส้หันมาพูดสั้น ๆ แต่ได้ใจความครบถ้วน "พวกมันไม่เคยกินอาหารไทยมาก่อนละซี" เออ เอ็งเก่ง

พอมั่นใจในฝีมือทำอาหารตัวเองมากขึ้น ก็ลองทำอาหารที่ต้องใช้ความสามารถมากขึ้นเรื่อย ๆ วันหนึ่งเราอยากกินหมูสับทอดกระเทียมพริกไทย เราก็จัดแจงไปซื้อหมูสับกับกระเทียมมามากมาย พอปอกกระเทียมแล้วสับจนละเอียด ก็เอาลงคลุกเคล้ากับเนื้อหมู ใส่พริกไทยลงไปจนหมดขวด กะจะให้หอมสุด ๆ พอตั้งหม้อจนน้ำมันเดือด ก็ปั้นหมูเป็นก้อน ๆ ใส่ลงไป เสียงหมูกระทบน้ำมันดัง ฉ่า ๆ ทั้งกลิ่นทั้งควันตลบอบอวลไปหมด เมื่อทอดจนสุกหมด ก็จัดแจงตักข้าวสวยร้อน ๆ เตรียมไว้ ตักหมูสับทอดกระเทียมพริกไทยใส่แล้วราดซ้อสพริกหอมฉุย ตักใส่ปากคำแรกภาพร้านอาหารแถวท่าพระจันทร์ก็เด่นชัดขึ้นมาในมโนภาพ พอกินคำที่สองยิ่งพาลให้เราคิดถึงหมูทอดฝีมือแม่ที่แปดริ้ว วันนั้นมีหมูทอดกี่ชิ้น ๆ เราก็กินราพนาสูรย์ จากนั้นก็จัดแจงล้างถ้วยล้างชามก่อนที่จะมานั่งเตรียมสอบต่อ แต่ยิ่งอ่านก็ยิ่งได้กลิ่นหมูทอด จากที่หอม ๆ ก็ชักจะเหม็น ก็เลยเปิดหน้าต่างรับลมหนาวเพื่อไล่กลิ่น เปิดได้พักเดียวก็ต้องรีบปิดเพราะหนาว เราทนอ่านหนังสือดมกลิ่นหมูทอดกระเทียมจนเกือบเที่ยงคืนจึงตัดสินใจอาบน้ำเข้านอน พอขึ้นเตียงห่มผ้า โอย พระเจ้าช่วย ที่นอนหมอนผ้าห่มเหม็นกลิ่นหมูทอดกระเทียมพริกไทยเต็มไปหมด วิบากกรรมจริง ๆ เลยหนอ อร่อยปากลำบากตัวอีกแล้ว เราต้องทนนอนดมกลิ่นหืนหมูทอดกระเทียมพริกไทยเกือบหนึ่งอาทิตย์ และเราเองก็ไม่อุตริอยากกินหมูทอดอีกเลยนับแต่นั้น
เราเคยชวนเพื่อน ๆ มากินข้าวที่สตูดิโอเราหนหนึ่ง เพื่อนมากันห้าคน มีปาสกาล เฟรด อาเหม็ด เพื่อนร่วมสถาบันจากเยเมนและเพื่อนกรีกอีกสองคน วันนั้นเราทำข้าวห่อสาหร่ายสูตรเด็ด และ หมี่ผัดซีอิ๊ว แถมยังบังคับให้เพื่อน ๆ กินด้วยตะเกียบ ปาสกาลกับเฟรดเอาตัวรอดได้ดีเพราะเคยฝึกใช้ตะเกียบมาบ้างแล้ว เว้นแต่อาเหม็ดกับสาว ๆ กรีกนั่นแหละ ที่จับตะเกียบพลิกไปพลิกมา อาหารหล่นกระจายสนุกสนานเฮฮากันใหญ่ สุดท้ายเราทนไม่ไหวก็เลยยอมให้ใช้ส้อมกินได้ พวกเราทั้งกินทั้งคุยกันจนเกือบเที่ยงคืนจึงแยกย้ายกันกลับ เราจึงเริ่มทำความสะอาดบ้าน ปรากฏว่าตามพื้นพรม เต็มไปด้วยเส้นหมี่กระจุยกระจายเต็มไปหมด ต้องไล่เก็บที่ละเส้น กว่าจะเก็บหมดก็เกือบตีหนึ่ง เส้นที่หลงเหลืออยู่ก็แข็งเด่ทิ่มฝ่าเท้าเราอยู่หลายวัน นั่นก็คือครั้งแรกและครั้งเดียวที่เราทำหมี่ผัดซีอิ๊วในฝรั่งเศส
มีอยู่ครั้งหนึ่ง พี่ที่มาเรียนต่อด็อกเตอร์ที่เพิ่งกลับจากการไปเยี่ยมบ้านที่เมืองไทยเอาทุเรียนกวนมาฝาก ทุเรียนกวนนี้เป็นศัตรูตัวฉกาจของเรามาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่เราก็รับไว้เพราะพี่มีน้ำใจขนมาฝาก แล้วลูกค้าประจำทั้งสองรายก็ตกเป็นเหยื่ออีกครั้งจนได้ เราสาธยายให้ฟังว่าทุเรียนเป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อที่สุดชนิดหนึ่งของเมืองไทย การได้ชิมถือเป็นโอกาสงามที่หาไม่ได้อีกแล้ว ว่าแล้วก็ตัดแบ่งให้ทดลองก่อนคนละชิ้น พอเอาใส่ปากยังไม่ทันเคี้ยวก็เห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกจะเป็นจะตายเสียให้ได้ เราก็เลยบอกว่ากินไม่ไหวก็คายออกมา แต่ปาสกาลบอกว่าไหน ๆ เข้าปากแล้วยังไงก็ต้องกิน แล้วมีหรือที่คนอย่างเฟรดจะยอมแพ้ แล้วทั้งสองก็ก้มหน้าก้มตา(เหลือก)กลืนทุเรียนกวนชิ้นน้อยลงคอไปจนได้พร้อมกับร้องหาน้ำกลั้วคอ แต่กลิ่นทุเรียนใช่ว่าจะจางหายได้ง่ายๆ มันยังคงตลบอบอวลอยู่ในโพรงจมูก เราก็เลยต้องแจกลูกอมให้อมดับกลิ่นก่อนที่ทั้งสองจะขาดใจตาย จากนั้นเพื่อนที่มาเยี่ยมเยียนทุกคนจะต้องผ่านด่านทุเรียนนี้ก่อน ไม่เห็นมีใครติดใจขอชิ้นที่สองสักราย
ทางบ้านมักจะส่งขนมหวานมาให้ผู้เขียนบ่อย ๆ เพราะบรรจุใส่กล่องง่าย ส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นขนมประเภททองหยอด ทองหยิบ ฝอยทองแบบแห้ง วันที่ลูกค้าประจำทั้งสองเห็นขนมสีเหลืองทองจากเมืองไทยก็สนใจขึ้นมาทันที พอได้ชิมก็ติดใจโดยเฉพาะฝอยทอง ก็เลยถามว่าแต่ละอย่างมีชื่อว่าอะไร ผู้เขียนอธิบายว่า ขนมทั้งสามชนิดมีต้นกำเนิดจากโปรตุเกส ชื่อในภาษาไทยลงท้ายด้วยคำว่า "ทอง" เพราะมีสีเหลือง เอาเป็นว่าสำหรับทองหยอดเรียกว่า Boule d'or หรือแปลตรงๆว่าลูกทอง ส่วนฝอยทองก็เรียกว่า Fil d'or หรือเส้นทองก็แล้วกัน พอได้ฟังถึงแค่นี้เฟรดก็อวดรู้ขึ้นมาทันที
"เอ้อ ถ้าอย่างนั้นอันนี้ รูปร่างเหมือนดอกไม้ บ้านนายต้องเรียกว่า FLEUR D'OR (ดอกทอง) แน่เลยใช่ไหม"
ตัวใครตัวมันละเน้อท่านผู้ชม