4. นักรักในหอรวม
หอที่เราพักอยู่เป็นหอรวม มีนักศึกษาชายหญิงทั้งจากฝรั่งเศสและต่างชาติอยู่รวมกันมากมายหลายร้อยคน แล้วแต่ละคนก็อยู่ห่างบ้าน เรื่องรักใคร่ชอบพอกันจึงเป็นเรื่องปกติสามัญ ถูกใจกันลึกซึ้งจะหลับนอนด้วยกันก็ได้ ทางหอจัดให้มีเครื่องขายถุงยางอนามัยไว้ข้างล่างกล่องละสิบฟรังก์ ช่วงวันหยุดหรือเสาร์อาทิตย์จะขายดีเป็นพิเศษ ที่นี่เขาสอนให้วัยรุ่นมีเซ็กซ์อย่างปลอดภัย แล้วตัววัยรุ่นเองก็ตระหนักดีว่าควรจะป้องกันตัวเองอย่างไรด้วย
คู่รักแห่งชั้นสี่ที่เด่น ๆ ก็เห็นจะมีอยู่สองคู่ คือคู่เฟาซีกับมาร์ตีน (Martine) มาร์ตีนเป็นผู้หญิงนะครับ แต่ชื่อคล้ายผู้ชาย และคู่โลรองต์กับโอเดร่ย์ (Audrey) เฟาซีพบรักกับมาร์ตีนก่อน เฟาซีหน้าตาพอใช้ได้ ตัวสูงและช่างคุย ส่วนมาร์ตีนก็หน้าตาสวย ดวงตาเธอโตใส ขนตายาวงอน เราสีทองยาวหยิกเป็นวง ๆ แต่เธอมักจะรวบเรามัดไว้ข้างหลังเผยให้เห็นแก้มแดงเรื่อ ๆ มาร์ตีนเป็นคนอัธยาศัยไมตรีดีมาก หัวเราะเก่ง มักจะถูกเพื่อน ๆ แกล้งเป็นประจำ แต่เธอไม่เคยโกรธสักครั้ง เธอชอบเข้ามากอดเราบ่อย ๆ เธอบอกว่าชอบน้ำหอมที่เราใช้ มีคืนหนึ่งเราอยากคุยกับมาร์ตีนก็เลยเดินไปเคาะห้อง เคาะอยู่สองรอบไม่มีคนมาเปิดประตู เลยคิดว่ามาร์ตีนคงออกไปข้างนอก งั้นไปคุยกับเฟาซีก็ได้ พอเคาะห้องเฟาซี มันก็เปิดประตูแง้ม ๆ โผล่หน้ามานิดหนึ่งแล้วร้อง “อ้าว โทนี่เรอะ คือตอนนี้เราไม่ว่างว่ะ” เท่านี้เราก็รู้แล้วว่าสาวน้อยมาร์ตีนไปไหน เราก็เลยหัวเราะแหะ ๆ กล่าวขอโทษที่ขัดจังหวะแล้วเดินกลับห้องแต่โดยดี
ห้องเฟาซีนั้นอยู่ติดกับห้องหมิน (Mihn) นักเรียนหมอจากเวียดนาม ที่มาฝึกงานเป็นเวลา 3 เดือน เรากับหมินเข้ากันได้เป็นอย่างดี คงเพราะเป็นเอเชียด้วยกัน แต่ภาษาฝรั่งเศสหมินไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ เวลาปาสกาล ซึ่งพูดเร็วมาก ๆ เข้ามาทักหรือคุยด้วย หมินก็จะยืนมึน ๆ เหมือนไม่รู้ว่าฟังภาษาอะไรอยู่ เราชอบกินข้าวกับหมิน เพราะกับข้าวเราคล้าย ๆ กัน ถั่วงอกผัดน้ำมันของหมินรสชาติเหมือนที่เราเคยกินที่เมืองไทยไม่มีผิด วันหนึ่งเราเจอหมินตอนเช้าในห้องครัว สีหน้าอิดโรย
“เป็นอะไร นอนไม่หลับรึ” เราถาม
“อือ” หมินตอบอย่างงัวเงีย
“ทำไมล่ะ เครียดหรือเปล่า” เราถามต่อ
“เปล่าหรอก ผู้หญิงห้องข้าง ๆ ส่งเสียงงี้ด ๆ ทั้งคืนเลย ไม่รู้เป็นอะไร ข้าเลยนอนไม่หลับ” มันตอบหน้าตาบ้องแบ๊ว
เรากลั้นหัวเราะไว้จนต่อมน้ำตาจะแตก เพื่อนข้างห้องมันก็เฟาซีนั่นแหละ
“ไม่รู้เป็นอะไรจริง ๆ” หมินยังรำพึงรำพันต่อ เราก็เลยรีบหนีเข้าห้องก่อนที่จะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ นี่มันแกล้งโง่หรือมันไม่รู้จริง ๆ กันแน่
เฟาซีกับมาร์ตีนคบกันได้นานหลายปี ก่อนที่มาร์ตีนจะเป็นโรคหดหู่ด้วยเหตุผลใดเราก็ไม่รู้ ล่าสุดได้ข่าวว่าทั้งสองเลิกกันแล้ว ส่วนเฟาซีก็เพิ่งแต่งงานไปกับผู้หญิงอื่นเมื่อปีก่อนนี้เอง
แต่ถ้าจะบอกว่าคู่รักคู่ไหนเปิดเผยและโลดโผนที่สุดก็คงไม่พ้นคู่โลรองต์กับโอเดร่ย์ ทั้งสองเป็นคนฝรั่งเศสทั้งคู่ โลรองต์เป็นฝรั่งเศสตัวเล็ก ๆ สูงกว่าเราไม่กี่เซนติเมตร แต่หน้าตาดี ส่วนโอเดร่ย์ก็สวยใช้ได้ สวยน้อยกว่ามาร์ตีนนิดหนึ่ง แต่โผงผางกว่ามาก ทั้งสองชอบจูจุ๊บกันให้เพื่อน ๆ อิจฉาอยู่บ่อย ๆ วันหนึ่งเราจะเอาขยะไปทิ้งในห้องครัว พอเปิดไฟพรึ่บ เห็นทั้งสองกำลังสวีทกันกลมอยู่บนโต๊ะกินข้าวในห้องครัว เราตกใจสะดุ้งนึกว่าผีหลอก พอเห็นว่าไม่ใช่ก็รีบขอโทษขอโพยที่เข้ามาขัดจังหวะ ทั้งสองรีบบอกว่า “ไม่เป็นไร โทนี่” แล้วก็หัวเราะแหะ ๆ เรารีบทิ้งขยะแล้วเผ่นกลับห้อง ก่อนออกมายังแหย่ว่า “งั้นเราปิดไฟให้เหมือนเดิมนะ”
ยังไม่หมดแค่นี้ วันหนึ่งทั้งสองเข้าไปจู๋จี๋กันในห้องอาบน้ำ ทั้งคู่ไม่ได้ตั้งใจไปอาบน้ำหรอก แต่คงอยากเปลี่ยนบรรยากาศให้มันดูตื่นเต้น ก็เลยเข้าไปอย่างว่ากันในห้องน้ำ ทีนี้ปาสกาล เฟาซี กับเพื่อนคนอื่น ๆ คงทนเสียงบาดหูไม่ไหว ก็เลยไปเอาน้ำเย็นมาหนึ่งกระแป๋ง แล้วก็ย่องเข้าไปในห้องน้ำแล้วสาดโครมลงไปในห้องอาบน้ำ น้ำเย็นคงรดลงหัวทั้งสองเต็มรัก ถึงกับร้องจ๊ากแล้วก็ด่าไม่เป็นภาษาคน ปาสกาล เฟาซีกับพรรคพวกตาลีตาเหลือกวิ่งเข้าห้องล็อกกุญแจเพราะกลัวโดนอัด ถึงแม้โลรองต์กับโอเดร่ย์จะไม่เห็นว่าใครเป็นคนทำ แต่ก็รู้ดีว่าจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้เพื่อน ๆ ตัวแสบของตนเอง ทั้งสองก็เลยงอนตุปัดตุป่องอยู่สองสามวัน ก่อนที่จะเริ่มคุยกับพวกเราเหมือนเดิม แล้วเหตุการณ์นี้ก็เลยเป็นโจ๊กในวงเหล้าที่ขุดขึ้นมาเล่ากันทีไร ได้หัวเราะกันน้ำตาไหลทุกที
แต่ถ้าจะถามว่าใครเป็นนักรักตัวยง ทุกคนพร้อมใจกันมอบถ้วยเชิดชูเกียรติให้กับ อาร์มันโด้ (Armando) เสือผู้หญิงสุดหล่อตัวจริงจากอิตาลี คาดว่ามันน่าจะเป็นผู้ชายที่ตรงสเป็คผู้หญิงมากที่สุด ตัวโต หุ่นดี ผิวคล้ำ ตากลม จมูกโด่ง กะลิ้มกะเหลี่ยเก่งเป็นที่สุด เป้าหมายของอาร์มันโด้ นอกจากมาเรียนภาษาฝรั่งเศสเป็นเวลา 3 เดือนแล้ว ยังตั้งใจมาทำสถิติมีเซ็กซ์กับผู้หญิงให้ได้มากที่สุด เอากับมันสิครับ แค่สองอาทิตย์แรก มันบอกพวกเราว่า มีคนเสร็จมันไปแล้วเกือบสิบคน
“อะไรวะ ข้าอยู่มาตั้งเกือบสองปีแล้วยังไม่ได้สักคน” ปาสกาลบ่นอุบอิบ
“เออสิวะ ใครจะกล้ามาคบคนอย่างแก อ่านหนังสือสอบเสือกเปิดเพลงร็อคฟังไปพร้อมกัน แล้วยังสอบได้ที่หนึ่งอีก สงสัยเหมือนกัน อีกหน่อยเวลามีเซ็กซ์ต้องเปิดเพลงร็อคด้วยหรือเปล่า” เราได้โอกาสก็เลยแขวะปาสกาลเสียเลย
แต่อาร์มันโด้คงออกล่าเหยื่อมากเกินไป จนลืมเรื่องอาหารการกิน เช้าวันหนึ่งมันมาเคาะห้องเรา แล้วทำตาปรือ ๆ
“มีอะไรกินบ้างไหม ร้านขายของปิดหมดเลย แล้วในห้องก็ไม่เหลืออะไรกินแล้ว” มันเกาะขอบประตูพูด เราหัวเราะในใจ แน่สิ วันนี้วันอาทิตย์ ไม่มีร้านค้าไหนเขาเปิดกันหรอก ถ้าจะมีก็มีแต่ร้านแขก แต่ต้องยอมจ่ายแพงกว่าราคาปกติ เราก็เลยยกขนมปังกับเนยแข็งให้ มันยื่นมือมารับ มือมันสั่นริก ๆ สงสัยเหมือนกันว่าเป็นเพราะหิว หรือเพราะโหมงานตอนกลางคืนหนักกันแน่ เมื่อครบสามเดือน อาร์มันโด้ก็ย้ายกลับอิตาลี พอดีเราต้องออกเดินทางไปสเปนก่อน ก็เลยไม่ได้อยู่ถามสถิติที่มันทำไว้ เผื่อจะเอาไปใช้อ้างอิงกับเพื่อน ๆ รายอื่น และที่เราประหลาดใจที่สุดในตัวเพื่อนคนนี้ก็คือ คนทั้งหอพัก เน้น ทั้งหอพักจำนวนนับร้อยรู้จักชื่อมันทุกคน
อาร์มันโด้ นายแน่มาก