
บทที่ 1 ทำความรู้จัก
วันนี้ขณะกินข้าวอยู่ น้องคนหนึ่งเปรยถามขึ้นมาว่า พี่ครับ ทำยังไงถึงจะพูดอังกฤษได้ ผมเห็นฝรั่งแล้วอยากจะพูดด้วย แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี
อันที่จริงเวลาอยากคุยกับฝรั่ง ก็เหมือนกับเวลาเราอยากคุยกับคนไทยด้วยกันเองนั่นเอง คนที่อยากเริ่มคุยกับฝรั่งก็ต้องไม่อาย ไม่กลัวที่จะพูดผิด แล้วฝรั่งที่ดีเขาจะอดทนฟังเรา คอยช่วยเรา พยายามเข้าใจเรา ถ้าเขาทำท่าอึดอัด ก็แสดงว่าเขาไม่เต็มใจ ต่อให้พูดรู้เรื่อง เขาก็ไม่อยากฟัง ไม่อยากเข้าใจ ก็ไม่ต้องคุยต่อ เสียเวลาแล้วพาลจะทำให้เราเสียความมั่นใจ
ว่าแล้วก็ถือโอกาสสอนวิธีการทักทายง่าย ๆ แบบไม่ต้องเรื่องมากให้ปวดหัว จำให้ได้สักแบบหนึ่งก่อนก็พอ เมื่อคล่องแล้วก็ค่อย ๆ เพิ่มแบบอื่นเข้าไป
การเริ่มต้นสนทนากับคนที่เราไม่รู้จัก ต้องเริ่มจากการทักทายแล้วบอกเขาว่าเราเป็นใครก่อน พูดไปเลยง่าย ๆ ว่า
- Good morning (หรือ Good afternoon, good evening ขึ้นอยู่กับว่าเป็นเช้า บ่ายหรือเย็น) แล้วก็ต่อว่า Im Tony. (ยื่นมือให้เขาจับด้วยก็ดี) And you ? (แล้วคุณล่ะ) การเข้าไปทักเขาต้องหาโอกาสดี ๆ ด้วย ถ้าเขากำลังยุ่งอยู่ก็อย่าไปกวนเขา เดี๋ยวแทนที่จะได้เพื่อนกลับได้ศัตรู หาจังหวะตอนเขาว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำก็แล้วกัน
- ถ้าเขาเป็นฝรั่งที่มีมารยาท เขาก็จะทักทายกลับ เช่น Good morning (ถ้าเขาจะเปลี่ยนเป็น Hi หรือ Hello ก็ไม่ต้องตกใจจนเสียสติ) แล้วก็แนะนำตัวเอง เช่น Im Harry. Glad to know you. หรือ Nice to meet you.
- พอเขาตอบว่ายินดีที่ได้รู้จัก ก็ไม่ต้องคิดมาก พูดซ้ำประโยคเขาเลย ว่า Glad to know you, too. หรือ Nice to meet you, too. เติม too ที่แปลว่า "ด้วย" เข้าไปหน่อย ทีนี้ก็ต้องหาเรื่องพูดต่อ เอาเรื่องง่าย ๆ เข้าไว้ก่อน เช่น ถามเขาว่าทำงานหรือเรียน Are you working here? Or you are a student? (ขึ้นเสียงสูงท้ายประโยคด้วย)
- Well, Im a computer graphic designer. คนส่วนใหญ่ที่ทำงานแล้วมักจะภูมิใจในหน้าที่การงานตน อยากอวดนั่นเอง ดังนั้นพอถามเรื่องงาน เขาก็มักจะรีบบอกว่าเขาทำอาชีพหรือตำแหน่งอะไร คนนี้เป็นนักออกแบบคอมพิวเตอร์กราฟิก
- Oh, great! เยี่ยมเลย ชมเขาหน่อย แล้วเราค่อยบอกว่าเราทำงานอะไร เช่น Im a manager (หรือ an employee ลูกจ้าง) in a company. เป็นผู้จัดการบริษัท ถ้าพูดแค่นี้ก็จะเปิดช่องให้ฝรั่งถามต่อ เพราะฝรั่งมีความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าคนไทย ถ้ากลัวว่าฝรั่งจะถามแล้วฟังไม่ออกก็ชิงความได้เปรียบด้วยการต่อท้ายประโยคอีกสักนิดว่า Company เราทำอะไรเสียเลย เช่น A software development company (บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์), cosmetics company (บริษัทขายเครื่องสำอาง), advertising company (บริษัทโฆษณา) หรือจะพูดเป็นประโยคง่าย ๆ ก็ได้ว่า We sell
เพราะบริษัทส่วนใหญ่ก็ขายของอยู่แล้ว ถ้าขายหนังสือ ก็บอกว่า We sell books. หรือ We sell business software solutions. เราขายโปรแกรมซอฟต์แวร์สำหรับทำธุรกิจ เป็นต้น ลองไปสำรวจดูว่าผลิตภัณฑ์ที่ตัวเองขายอยู่ภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไร ถ้าไม่รู้ก็ถือว่าไม่ใส่ใจในสินค้าตนเอง พฤติกรรมนี้ไม่ดี
ลองมาสรุปอีกที
- Good morning. Im Tony. And you? {กึดมอร์นิง อัมโท้หนี่ แอนยู้}
- Hi. Im Harry. Glad to know you. {ไฮ อัมแฮหรี่ แกลดทุโนวยู}
- Glad to know you, too. Are you working here? Or you are a student? {แกลดทุโนวยูทู่ อาร์ยูเวิร์กกิงเฮี๊ยร์ ออร์ยูอาร์ เอ สทิวดึ้นท์}
- Well, Im a computer graphic designer. {เวล อัมเอคัมพิวเทอร์ แกรฟฟิก ดีไซเหน่อร์}
- Oh, great! Im an employee in a company. A software development company. We sell business software solutions. {โอ เกรท อัมแอนเอมพลอยยิ อินเอคัมพะหนี่ เอ ซอฟท์แวร์คัมพะหนี่ วีเซลบิซิเนสซอฟต์แวร์โซลุชึ่นส}
ถ้ารู้สึกว่าหมดมุข นึกอะไรไม่ออก ก็ถอนทัพกลับได้แล้ว กลับบ้านไปเตรียมตัว แล้วค่อยกลับมาคุยใหม่ก็ได้ แล้วจะถอนตัวยังไงล่ะ หลายคนเปิดบทสนทนาได้ แต่ปิดไม่เป็น เอาง่าย ๆ เลยพูดว่า
- Well, Ive got to go. Glad to meet you and hope to see you again. {เวล อัฟก็อตทุโก แกลดทุมีททิว แอนด์โฮปทุซียูอะเกน} เอ่อ ต้องไปก่อนแล้ว ดีใจที่ได้พบคุณและหวังว่าจะเจอกันอีก
- Thank you. See you later. {แธงกิว ซียูเลเทอร์} ขอบคุณ แล้วเจอกัน
ปิดแล้วปิดเลย เดินจากไปอย่างมาดมั่น อย่าทำเงอะ ๆ งะ ๆ หันรีหันขวาง ประเภทอยากคุยต่อแต่ไม่รู้จะคุยอะไรนั้นอย่าทำ ฝรั่งค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องส่วนตัวสูง ถ้าไม่มีเรื่องคุยแล้วจะอยู่ทำซากอะไร ไว้วันหน้าเจอกันแล้วค่อยคุยกันต่อก็ได้...จบ