ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ ท่านเป็นผู้ที่มีส่วนสำคัญอย่างมากในการร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งฉบับปี ๒๕๔๐ และ ๒๕๕๐ (เรามาใช้เลขไทยกันดีกว่า) ท่านเรียนสายวิทย์ แต่จบกฏหมายจากฝรั่งเศส
อยากให้น้องจิลองศึกษาประวัติท่านดู อาจจะได้แนวทางที่ตัวอยากเป็นก็ได้
หากเรียนกฎหมายก็ขอให้เรียนภาษาฝรั่งเศสควบคู่ไปด้วย เพราะวรรณกรรมดี ๆ ของฝรั่งเศสเยอะมาก และในอนาคตข้างหน้า น้องจิจะได้ใช้กฎหมายมหาชนจากฝรั่งเศส รับใช้ทั้งตัวเองและผู้อื่น
ลองสังเกตดู ขณะนี้ "อำนาจรัฐ" ทั้งจากท้องถิ่น และรัฐบาลกลาง เข้าไป "ละเมิด" ประชาชนอย่างมาก ด้วยว่าผู้บริหารเหล่านี้ไม่เข้าใจใน "เจตนารมณ์" ของกฏหมาย จึงนำไปใช้กันอย่างผิด ๆ ทำให้ต้องขึ้นศาลปกครองกันบ่อย ๆ - น้องจิมีงานทำไม่ว่างแน่
บางคนบอกว่าเรียนภาษาจีนสิ - ใคร ๆ เขาก็เรียนกัน น้องจิลองมองดูรอบตัว ใครกันที่ไปเปิดห้างค้าปลีกจน "ปั่นป่วน" ไปทั้งโลก คำตอบคือ อังกฤษ กับ ฝรั่งเศส จีนค้าขายเก่งก็จริง แต่จีนไม่มี "เทคโนโลยี" เป็นของตัวเอง จีนยังมีเรื่องในประเทศที่จะต้อง "จัดการ" อีกเยอะ
ที่จริงแล้วเราต้องมี "ยุทธศาสตร์" ในการเรียนภาษาต่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการจะต้องกำหนดได้ว่าในหนึ่งปี เราจะมีคนพูดภาษาต่าง ๆ จำนวนเท่าไหร่ ภาษาอินเดีย ภาษาโปรตุเกส ภาษาอัฟริกา ฯลฯ เราก็ต้องเรียน เพราะประเทศโลกที่สามแบบเราต้องจับมือเป็น "พันธมิตร" กันไว้ เพื่อต่อรองราคาทรัพย์สินทางปัญญาของพวกฝรั่ง ที่เห็นชัด ๆ เลยก็คือ เรื่องสิทธิบัตรยา เราจะได้มียาราคาถูก
แต่เป็นที่น่าเสียใจว่า กระทรวงศึกษาของไทย ปล่อยให้เด็กเรียนภาษาไปตามยถากรรม ไม่มีโรงเรียนไหนในจ.สุพรรณบุรีที่สอนภาษาฝรั่งเศสแล้ว มีแต่ "กระหน่ำ" ซัมเมอร์เซล สอนกันแต่ภาษาจีนกับญี่ปุ่น ถ้าอยากเรียนภาษาฝรั่งเศสก็ต้องนั่งรถตู้ไปเรียนที่สมาคมฝรั่งเศส ถ.สาทร
ทำไมภาษาฝรั่งเศสจึงมีความสำคัญต่อโลกและประเทศไทยในยุคปัจจุบัน คำตอบเบื้องต้นก็คือ หลักการของนักคิดชาวฝรั่งเศส เป็น "แม่แบบ" ของระบอบประชาธิปไตยบนโลกใบนี้ รวมทั้งประเทศไทยด้วย แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า เรา "ศึกษา" ของเขาแบบไม่รู้จริง มันจึงมีเหตุการณ์ที่คนเอาดอกไม้ไปให้คนที่ทำ "รัฐประหาร" และมันคงจะเป็นเช่นนี้จนน้องจิอายุ ๘๐ ปี
เอาล่ะ จะจบอะไร จะเป็นอะไร ลองฟัง เอลเดอร์ ฮับบาร์ด บอกล่ะกัน เขาบอกว่า "ส่วนที่ดีที่สุดในชีวิตของคนดี ก็คือ การกระทำสิ่งเล็ก ๆ ที่ไร้ชื่อ ไร้คนจดจำ ด้วยความกรุณา และด้วยความรัก"