Merci beaucoup pour votre conseil,Ajarn Ton.

ที่คิดๆไว้ว่าจะทำเป็นแบบฝึกสักหนึ่งหัวข้อครับ   ไม่รู้จะเวิร์คหรือเปล่า กลัวกรรมการประเมินไม่ให้ผ่านเพราะอาจงายเกินไป  คำว่านวัตกรรมนี่ต้องทำลักษณะไหน ต้องครบทุกขั้นตอนหรือเปล่าครับ ตอนนี้ผมมึนตึ้บเลย ไม่รู้จะเริ่มหรือปรึกษาใครดีอาจารย์ต้นมีความเห็นว่าไงครับ

ปกติอาจารย์ต้นทำนวัตกรรมใช้เองมากกว่า ไม่ได้เอาไปให้ใครประเมินเพราะไม่ได้เป็นอาจารย์ในระบบ แต่จะศึกษาจากปัญหาทีเกิดขึ้นในการเรียนการสอนเป็นหลัก ก็เลยไม่รู้ว่าขึ้นตอนต่าง ๆ เป็นอย่างไรบ้าง ตรงนี้แนะนำไม่ถูกจริง ๆ

สิ่งที่อ. ต้น ทำก็อย่างเช่นเด็กมีปัญหาเรื่องกระจายกริยา ก็สร้างระบบการกระจายแบบอาณาจักรกริยาขึ้นมาเพื่อให้เห็นภาพรวมการกระจาย หรือการสร้างทริคในการจำลำดับกรรมตรงกรรมรองให้ง่ายขึ้น เด็กรุ่นใหม่จะมีปัญหาในการลำดับความคิดและสมาธิสั้น สื่อการสอนจึงต้องปรับเป็นตามธรรมชาติผู้เรียน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณภาพการเรียนการสอนจะต้องด้อยลงตามไปนะครับ เพียงแต่ว่าเราต้องหาแนวทางใหม่ ๆ ให้เข้ากับยุคสมัยเท่านั้นเอง

คำว่านวัตกรรมในความคิดของ อ. ต้น นั้น ใหม่ อย่างเดียวคงไม่พอ ต้องดูว่ามัน ใช้ได้ หรือเปล่าด้วยครับ บางนวัตกรรมดี แต่เข้าไม่ถึง ก็น่าเสียดายเพราะไม่ประโยชน์ต่อคนหมู่มาก อ. ต้น คิดว่า เอาประโยชน์ผู้เรียนเป็นที่ตั้งรวมกับความถนัดของเรา ก็น่าจะนำไปสู่อะไรใหม่ ๆ ได้นะครับ อย่างอ. ต้น เคยคิดที่จะเอาระบบ reconnaissance vocale มาใช้ในการฝึกให้เด็กออกเสียง ถ้าเด็กออกเสียงไม่ถูกก็ต้องออกซ้ำจนกว่าจะถูก และเมื่อถูกก็จะเปลี่ยนคำใหม่ต่อไปเรื่อย ๆ ทีนี้ข้อจำกัดก็คือมันต้องเสียงใครเสียงมัน ระบบจะจำได้เพียงเสียงเดียว แต่นักเรียนมีหลายคน มันก็จะไม่เวิร์ค ที่จริงถ้าศึกษาไปลึก ๆ อาจจะมีทางออกก็ได้ เพราะเราจับที่ลักษณะการออกเสียง ไม่ได้จับที่น้ำเสียงว่าใช่คนเดิมหรือเปล่า ต้องเช็คระบบที่คล้ายกับร้องคาราโอเกะแล้วได้คะแนนนั่น ว่าเขาใช้วิธีไหนในการตรวจจับความถูกต้องของเสียง อ. ต้น ว่าอย่างนี้ก็พอจะเป็นนวัตกรรมทางการเรียนการสอนได้ แต่จะเป็นจริงได้แค่ไหน ต้องศึกษาให้ละเอียดครับ

ยินดีคุยด้วยเสมอครับ ผมส่งเสริมการใช้ภาษาทุกภาษาเพราะเห็นว่าเป็นเครื่องมือในการหาความรู้ครับ เด็กบางคนเรียนแล้วบอกว่าไม่ได้เอาภาษาฝรั่งเศสไปใช้ประโยชน์ในการทำงาน อ. ต้นก็สงสัยว่า ถ้าไม่ได้ใช้ทำงาน ทำไมไม่เอาไปใช้หาความรู้ เรามีเครื่องมือเปิดทางสู่ความรู้อยุ่ในมือแท้ ๆ กลับไม่ใช้ประโยชน์จากมันให้เต็มที่ น่าเสียดายนะครับ

ถ้าจะติดต่อกับอ. ต้น ก็โทรมาได้ครับ ที่ 0898971399 แต่ถ้าไม่ได้รับ ก็แสดงว่าติดสอนหรือติดงานล่ามอยู่ครับ ว่างเมื่อไหร่ก็จะโทรกลับทันที หรือจะเขียนมาคุยที่ apictrad@truemail.co.th ก็ได้ครับ

ฝรั่งเศสเป็นขาลงจริง ๆ ครับ ที่โรงเรียนในกรุงเทพหลายแห่งก็กำลังลดขนาดห้องเรียนลง จาก 3 ก็เหลือ 1 จาก 3 หน่วยกิต ก็เหลือ 2 เป็นต้น น่าเสียดายจริงครับที่เราจะต้องเอาแนวทางการหาความรู้ทั้งประเทศไปแขวนไว้กับภาษาอังกฤษ และภาษาอื่นที่ไม่มีน้ำหนักทางเศรษฐกิจหรือปรัชญาความคิดระดับโลก ทั้ง ๆ ที่ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศแห่งปรัชญาชีวิตและเทคโนโลยีที่เราสามารถศึกษาและนำมาต่อยอดเองได้ เราน่าจะได้ศึกษาการพัฒนาประเทศของเขา ที่ส่งเสริมให้คนค้นคิดประดิษฐ์เทคโนโลยีระดับเอสเอ็มอีและขึ้นทะเบียนเป็นลิขสิทธิ์ทางปัญญาแล้วก็ขายเอาเงินเข้าประเทศได้เป็นกอบเป็นกำ แทนที่จะไปพึ่งจมูกคนอื่นหายใจ พอเขาเกิดทรุดหายใจไม่ออก เราก็หายใจไม่ออกตามเขาไปด้วย เฮ้อ พูดแล้วงานเข้าครับ ไม่เป็นไร ภายในอีก 3-5 ปีข้างหน้า กระแสการเรียนภาษาฝรั่งเศสน่าจะกลับมาอีกนะครับ เพราะปริมาณคนฝรั่งเศสที่เดินทางเข้าประเทศไทยเพื่อมาท่องเที่ยวก็ไม่ได้ลดลงเลย เรายังคงต้องการบุคลากรที่มีความสามารถทางภาษาฝรั่งเศสอยู่ครับ แต่คงต้องปรับลักษณะการเรียนการสอนให้ตรงกับตลาดมากขึ้น พัฒนาทักษาการใช้จริงให้มากขึ้น ไม่ใช่จมอยู่กับตำราเรียนอย่างเดียว ต้องสร้างให้ห้องเรียนภาษาฝรั่งเศสเป็นห้องที่มีศักดิ์ศรี ไม่ใช่ที่พึ่งสุดท้ายของเด็กที่เรียนอะไรไม่ได้ เพราะนั่นเป็นการทำร้ายเด็ก แทนที่จะหาอะไรที่เด็กเรียนได้แล้วให้เขาเรียนในสิ่งที่เขาอยากเรียน เรากลับบังคับให้เด็กเรียนในสิ่งที่เขาไม่ชอบ กลายเป็นภาระคนสอน แล้วการเรียนภาษาก็ไม่ใช่ของง่าย ใครก็ตามที่คิดว่าการเรียนภาษาเป็นของง่าย ใครก็เรียนได้ คน ๆ นั้นคิดผิดและดูถูกความยิ่งใหญ่และความสำคัญของภาษาอย่างที่สุดครับ อย่าลืมนะครับ เรากำลังเรียนภาษาของโมลิแยร์, ฌอง ฌัคส์ รุสโซ, โบดแลร์, วิคตอร์ อูโก และคนอื่น ๆ ที่พอกล่าวชื่อแทบทุกคนก็ร้องอ๋อ แล้วเราจะมาเรียนแบบทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ได้อย่างไร จริงไหมครับ

อ. ต้นก็รักภาษาฝรั่งเศสมาก แต่ไม่ได้หลงหรือเรียนเพราะบ้าดารา แฟชั่นหรืออาหารฝรั่งเศส แต่รักเพราะภาษาฝรั่งเศสเป็นเครื่องมือในการหาความรู้ที่นอกเหนือไปจากภาษาอังกฤษ เป็นเครื่องมือเปิดมุมมองใหม่ ๆ เปิดความคิดใหม่ ๆ เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในชีวิตครับ ฉนั้น ต่อให้เลิกสอนภาษาฝรั่งเศส ก็อย่าหยุดศึกษา เราสามารถบูรณาการความรู้จากภาษาหนึ่งไปยังอีกภาษาหนึ่งได้ครับ อ. ต้นบอกตัวเองเสมอว่าเราเป็นพวก Polyglotte และเราต้องเป็นต่อไป จะมีใครสักกี่คนที่พูดภาษาได้มากกว่า 3 ภาษาอย่างพวกเราละครับ ช่วยกันภูมิใจเยอะ ๆ

สอนฝรั่งเศส  เรื่องการทักทายเราจะบูรณาการกับกลุ่มสาระอื่นได้อย่างไรบ้างคะ อาจารย์ต้น

อืมเนาะ เป็นคำถามที่น่าสนใจครับครูเจ เท่าที่นึกออก เราสามารถบูรณาการกับภาษาไทยได้ เพราะชื่อของคนไทยเรามีความหมาย สถานการณ์อาจเกิดขึ้นระหว่างการแนะนำตัวคนไทยให้คนฝรั่งเศสฟัง แล้วถือโอกาสอธิบายเรื่องความหมายของชื่อเป็นภาษาฝรั่งเศส โดยที่เด็กจะต้องไปค้นคว้าความหมายของชื่อตนเอง ชื่อบางชื่อปรากฎในวรรณคดี ยกตัวอย่างการตั้งชื่อโดยอิงกับตำราที่เป็นมงคล ซึ่งจะโยงไปสู่ความเชื่อ วัฒนธรรมและประเพณีได้ ตรงนี้ออกไปทางสังคมและวัฒนธรรมมากกว่าภาษาไทยแล้วนะครับ

นอกจากนี้การทักทายถามสารทุกข์ อาจารย์ต้นก็คิดว่าสามารถผสมเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพหรือสุขศึกษาลงไปได้ อย่างเช่นคุยกันแล้วมีเพื่อนไม่สบาย จะแนะนำเพื่อนตามหลักสุขศึกษาหรือตามหลักพละศึกษาอย่างไร กิน พักผ่อน รักษาสุขภาพอย่างไร เนื้อหาเหล่านี้มาประยุกต์กับภาษาฝรั่งเศสได้ทั้งนั้นครับ แถมได้ประโยชน์มาก ๆ อีกด้วยเพราะเป็นสิ่งที่ต้องใช้จริงในชีวิตครับ

ไม่รู้ตอบได้ตรงหรือเปล่านะครับ พอดีไม่ค่อยถนัดเรื่องสาระกลุ่มต่าง ๆ ในโรงเรียน

ขอบคุณมากค่ะอาจารย์ที่ช่วยแนะนำ เป็นประโยชน์มากๆค่ะ