ภาษาฝรั่งเศส อิตาลี หรือสเปนก็อยู่ในกลุ่มเดียวกันนะครับ เวลาเรียนแล้วจะเหมือนเรียน 3 ภาษาควบเลย เพราะใกล้กันมาก อย่างอาจารย์ต้นไปเรียนสเปนเดือนเดียวก็คุยกับเขาพอรู้เรื่องแล้วละครับ

ทีนี้ถ้าพูดถึงโอกาสในการทำงาน อาจารย์ต้นเน้นเสมอว่า ไม่ว่าเราจะเรียนภาษาอะไรก็ตาม ถ้าเราจริงจังและเก่ง ใช้ภาษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรามีงานทำเสมอ คนที่จบเอกฝรั่งเศสแล้วหางานที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสไม่ได้ มีเหตุผลหลายอย่างครับ แต่เหตุผลอันดับแรก ๆ ก็คือ ภาษาไม่มีประสิทธิภาพ เด็กไทยส่วนใหญ่อ่านได้เขียนดี แต่ฟังไม่ออกพูดไม่ได้ แล้วบริษัทไหนอยากได้คนใบ้และหนวกทางภาษาเข้าทำงานล่ะครับ จริงอยู่ว่าความต้องการภาษาฝรั่งเศสในเมืองไทยอาจจะน้อยลง คนเรียนก็น้อยลง แต่ก็ยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้อาจารย์หาคนที่สื่อสารฝรั่งเศสได้มาช่วยงานในบริษัทที่รู้จักกัน หาตั้งนานแล้วก็ยังไม่ได้ น่าเสียดาย

อีกเหตุผลหนึ่งที่อาจารย์เพิ่งเริ่มสังเกตเห็น บริษัทที่ต้องการใช้ภาษาฝรั่งเศสจะเป็นเอสเอ็มอี หรือบริษัทกลางและย่อมที่เข้ามาผลิตสินค้าโดยอาศัยแรงงานในไทย ซึ่งบริษัทเหล่านี้จะไม่ค่อยอยู่ในกรุงเทพ แต่จะอยู่บริเวณปริมณฑล นี่เป็นอีกเหตุผลหนื่งที่ทำให้คนไม่ค่อยอยากไปทำงานด้วย แต่ถ้าเรารับเงื่อนไขนี้ได้ อาจารย์คิดว่าเรายังมีโอกาสงานอีกมาก

สำหรับภาษาอื่น ๆ ที่อยากเรียน อย่าลืมนะครับว่า ปริมาณมหาวิทยาลัยที่เปิดสอน สะท้อนความต้องการของตลาดเช่นกัน ภาษาที่ยังมีความต้องการในตลาดมาก ก็จะเปิดสอนหลายแห่ง อย่างจีน ญี่ปุ่น และอื่น ๆ

ถ้าจะให้อาจารย์สรุปจริง ๆ ก็จะบอกว่า โอกาสงานเป็นของคนที่ใช้ภาษาได้ดีครับ ไม่ว่าจะเป็นภาษาอะไรก็ตาม ทีนี้ต้องถามตัวเองครับว่า ถ้าจะเลือกภาษาใดภาษาหนึ่ง เราจะมุ่งสู่ความเป็นเลิศหรือเปล่าครับ ถ้าไม่ได้ตั้งใจตามนั้น เรียนภาษาอะไรก็หางานยากอยู่ดีครับ

อ้อ สุดท้าย ไม่ว่าจะเลือกเรียนภาษาไหนก็ตาม อย่าทิ้งภาษาอังกฤษนะครับ เพราะมันคือตัวช่วยที่จะทำให้เราหางานได้ง่ายขึ้นอีกมาก คิดดูนะครับ พูดได้เก่ง ๆ สัก 3 ภาษา หาความรู้ด้านธุรกิจการค้า หรือการเมืองการปกครองใส่ตัวอีกสักหน่อย รับรองอนาคตสดใสแน่นอน

ขอบคุณอ.ต้นมากครับ ทำให้ผมกำลังใจในการเรียนมากขึ้น ผมว่าผมคงเลือกเรียนเอกฝรั่งเศสแล้วค่อยโทสเปนหรืออิตาเลียนแล้วกัน เพราะว่าชอบทั้งสามภาษา

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ จะเอกฝรั่งเศส คือมันหาเรียนได้ไม่ง่ายนัก พอมาเรียนปริญญาโท ทฤษฎีวรรณกรรมของฝรั่งเศสล่ำเลิศมากๆ

เดาว่า เจ้ากระทู้ เรียนสายอักษรศาสตร์แน่ๆ คือสายวิชาด้านภาษาศาสตร์และวรรณคดี มันเป็นอะไรฟุ่มเฟือย โดยไม่เน้นการนำไปใช้โดยตรง แต่เอามาประยุกต์ในสายสื่อสารมวลชน งาน NGO งานสร้างอื่นๆ ได้เยอะ

ตอนนี้ ก็พยายาม ทบทวน อ่านเอกสาร จาก http://www.academie-en-ligne.fr หรือ จาก CNED

เพื่อนที่เอกเยอรมัน ก็ลงเรียนภาษาฝรั่งเศสเยอะ

อันที่จริง เราเรียนปริญญาโท สาขาอื่นก็ย่อมได้ ปริญญาตรีควรเป็นอะไรที่เราสนใจนั้นแหละ

ขอบคุณมากนะค่ะ

ทำให้มีกำลังใจในการเรียนขึ้นเยอะ

บลิวคิดว่าถึงเวลาที่ควรจะต้องตั้งใจในสิ่งที่ไม่ชอบซักที

คิดว่าควรหาเหตุผลก่อนว่าอะไรที่ทำให้ไม่ชอบ

ภาษาอังกฤษ บลิวคิดว่า ต้องพยายามให้ได้มากกว่านี้ อีกครับ

งั้นเปลี่ยนวิกฤต ให้เป็นโอกาส ลองเรียนมันแบบสนุกๆ ไปเลย แบบอยากรู้ ไม่ต้องคำนึงถึงคะแนนหรืออะไร แบบไม่มีอะไรต้องเสียดีมะ เอาแบบรู้สึกตื่นเต้นว่าได้เจออะไรใหม่ๆ ได้พูด ได้ฟัง ได้สื่อสาร เคยเจอผู้หญิงคนหนึ่งจบแค่ ม.6 ไม่ได้เชี่ยวชาญไวยกรณ์ แต่พูดอังกฤษคล่องแคล่ว สำเนียงดีมาก  ไปสอบ IELTS ได้คะแนนมากพอที่จะเรียนปริญญาโท พี่เค้าบอกคำหนึ่ง ว่า ภาษาอังกฤษง่ายกว่าภาษาไทยมาก ดูสิ มันมีแค่ 26 ตัวเอง แต่ภาษาไทยสิ พยัญชนะก็ปาเข้าไป 44 สระ อีก 5555555555555 อ้าว สู้ๆ นี่ยกมาให้มีกำลังใจนะ อย่างน้อยต่อไปน่าจะเก่งกว่าพี่ล่ะ เป็นอย่างน้อย

 ช่วยแนะนำสถานที่เที่ยวญี่ปุ่นตามธรรมชาติหน่อยค่ะ ขอบคุณค่ะ