ReadyPlanet.com


ว่ากันเรื่องภาษา


วันนี้ดูรายการทางช่องเก่า สัมภาษณ์ความเห็นครูคริส ครูเคท และ คุณจ๊อบเรื่องการเรียนภาษาอังกฤษของเด็กไทย ดูเหมือนพวกคุณครูทั้งหลายมีน้ำเสียงท้อแท้อยู่บ้าง เพราะสอนภาษาแล้วเหมือนตบมือข้างเดียว เพราะเด็ก ๆ ที่เรียนไม่เข้าใจว่าการเรียนภาษาต้องเกิดจากการฝึกฝนและความใส่ใจจากผู้เรียนเองเป็นหลัก ครูคริสบอกเลยว่า ฉันชื่อคริสโตเฟอร์นะ ไม่ใช่ แฮรี่พ็อตเตอร์ ที่จะได้เสกให้นักเรียนเก่งขึ้นมาในบัดดล เห็นด้วยเลย เพราะ อ. ต้นก็พูดออกบ่อยว่า ถ้าหัวนักเรียนเป็นปลากระป๋อง อ. ต้นจะเปิดแล้วเอาศัพท์กับไวยกรณ์เทใส่ลงไปเขย่า ๆ ให้เสียเลย แต่นั่นก็เป็นแค่คำพูดแดกดันนักเรียนที่ชอบของสำเร็จรูป เพราะมันเป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริง ครูคริสพูดอีกเรื่องหนึ่งน่าสนใจมากว่า

การเรียนภาษาอังกฤษในโรงเรียนต้องเป็นแบบ Outside in ไม่ใช่ Inside out การเรียนภาษาอังกฤษต้องไม่โฟกัสไปที่การเรียนในห้องแล้วเอามาใช้ข้างนอก แต่ต้องเรียนจากข้างนอก แล้วเข้าไปต่อยอดในห้องต่างหาก เมื่อสมัยที่ อ. ต้นเรียนที่ฝรั่งเศส การเรียนที่นั่นก็เป็นการเรียนแบบ outside in อย่างเห็นได้ชัด นักเรียนเมื่อได้หัวข้อการทำงาน ก็ออกไปหาข้อมูล แล้วเอาเข้ามาแชร์ในห้องเรียน ทำให้ห้องเรียนไม่ถูกจำกัดอยู่แค่เนื้อหาในหนังสือเรียน แต่ขยายวงออกไปสู่สถานการณ์จริงและข้อมูลจริงจากข้างนอก และทำให้การเรียนการสอนมีสีสันและตรงกับชีวิตจริงอย่างมาก

ครูเคทบอกว่าสมัยนี้คนมาเลเซียพูดภาษาอังกฤษได้ดีกว่าคนไทยแล้ว ทั้งที่สมัยก่อนก็พอ ๆ กัน ฟังแล้วกลัวว่าประเทศเพื่อนบ้านอื่น ๆ จะแซงหน้าเราไปในอีกไม่ช้า

การเรียนภาษาอังกฤษเราไม่ได้ตั้งความหวังว่าจะต้องเรียนให้มันแตกฉานพูดกับฝรั่งได้น้ำไหลไฟดับ เราแค่ตั้งความหวังในความสัมฤทธิ์ผลทางการสื่อสาร ด้วยภาษาง่าย ๆ เราก็สามารถสื่อสารกับเขาได้แล้ว ปัญหาอย่างเดียวคือความกล้าในการสื่อสารและความมองไม่เห็นประโยชน์ต่างหาก

คนจากทางบ้านบางคนมองว่าฉันไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษหากิน ฉันจึงไม่จำเป็นต้องเรียนภาษาอังกฤษ อ้าว แล้วไม่คิดใช้ภาษาอังกฤษในการหาความรู้สร้างความเป็นปัญญาชนให้กับตัวเองหรือ การเรียนภาษา คือ โอกาสในการมองเห็นโลกและเข้าใจโลกได้ดีกว่าคนอื่น อย่ามองแค่ภาษาเป็นเครื่องมือหากิน มันคือเครื่องมือแห่งการแสวงหาปัญญา อนาคตและรายได้ที่ดี คือผลพลอยได้ครับ

นักเรียนมีความเห็นอย่างไรบ้าง มาแชร์กันนะครับ



Post by อ. ต้น :: Date 2007-07-09 23:55:06 IP : 124.120.183.242


[1]

Opinion No. 1 (3302312)
เนื่องจากเคยเป็นครู ขอบอกเลยว่า โรงเรียนควรวางนโยบายใหม่ในการสอน ไม่ให้ครูยืนพูดคนเดียวเป็นชั่วโมงหน้าห้องเหมือนคนบ้า เราควรจัดโต้ะในห้องเรียนภาษาใหม่ นักศึกษา จะต้องฝึก ใช้ตัวภาษาที่เพิ่งเรียนมาในคาบนั้น อย่างน้อยสองช่วง ถึงจะเลิกชั้นได้ แต่ก็สอนภาษา มหาลัยยังสอนให้วัดผลในเชิงสถิติ ซึ่งผมว่า เมืองนอกเค้าเลิกทำวิจัยแบบนี้กันหลายสิบปีแล้วอะครับ แต่ที่ สถาบันภาษาที่ ธรรมศาสตร์ ยังใช่อยู่ ฉันตั้งใจเข้ามา discredit จริงๆ ขอยอมรับ สถาบันภาษาไม่ได้เกี่ยวหรือขึ้นตรงอะไรกับคณะศิลปศาสตร์
By เพลง Date 2011-08-03 15:47:48 IP : 158.108.166.130


Opinion No. 2 (3302332)
อาจารย์อยากให้หนังสือเรียน เปิดช่องว่างให้นักเรียนคิด ไม่ใช่ยัดเยียดให้ตลอด หนังสือเรียนไม่มีช่องว่างให้นักเรียนหายใจ ไม่มีที่ให้เขาได้แสดงออกว่าหนังสือเรียนเป็นของเขา อยากให้เขามีส่วนร่วมในการทำหนังสือเรียน
By อาจารย์ต้น Date 2011-08-03 21:17:43 IP : 115.87.74.132


Opinion No. 3 (3302334)

บลิวกำลังคิดครับว่า โรงเรียนควรมีนโยบายแบบไหนที่ทำให้เด็กชอบ หรือสนใจภาษาอังกฤษมากขึ้น

เพราะโดยส่วนตัว ก็เป็น1ในเด็กที่ไม่ชอบภาษาอังกฤษเลยครับ

แต่จะชอบคาบภาษาอังกฤษหลักของอาจารย์คนปัจจุบันอยู่คาบนึง ที่ให้เด็กแบ่งเป็นกลุ่ม แล้วไปห้าเนื้อเพลงมา

แล้วมาเปิดเพลงฟังแล้ว แจกเนื้อเพลงที่ตัดคำบางคำในเพลงออก อิอิ แบบนี้ชอบครับ

เพราะชอบฟังเพลงฝรั่ง แต่กลับไม่ชอบเรียนภาษาอังกฤษ อิอิ ^^

แล้วก็ชอบอีกอันนึงอ่ะครับ ที่เป็นหนังสือนิทานของ se-ed มีอยู่เล่มนึงบลิวยืมอาจารย์มา

ถึงจะไม่ค่อยได้อ่านแต่เคยลองเปิดอ่าน เนื้อหาข้างในมันน่าสนใจดีครับ

แล้วก็มันแบ่งออกเป็นหลายๆระดับครับ ได้คำศัพท์เยอะดี แล้วก็มีสอนไวยกรณ์ เล็กๆน้อยๆด้วย ^^

บลิวว่าเรื่องภาษานี่ควรปลูกฝังความคิดให้เด็กใหม่นะครับ เพราะเหมือนที่อาจารย์ต้นบอก

ว่าเด็กไทยคิดแค่ว่า อยู่เมืองไทย ทำไมต้องเรียนภาษาอังกฤษ ?

ถ้าตัวเด็กเองไม่คิดที่จะสนใจ ต่อให้มีหนังสือที่ดีแค่ไหนเด็กไทยก็ไม่คิดเปิดอ่านครับ ^^ (ทำไมมันโยงไปเรื่องหนังสือซะได้)

By บลิว Date 2011-08-03 21:22:51 IP : 223.205.109.160


Opinion No. 4 (3302335)

เป็นเรื่องพูดยากจริงๆ เพราะนอกจากจะต้องปรับวิธีการเรียนการสอนให้นำไปใช้ได้จริง  โดยไม่มีคะแนนเป็นตัวกดดัน สำหรับนักเรียนทั่วไป  และให้เข้มข้นขึ้นสำหรับนักเรียนที่สนใจทางด้านภาษาโดยเฉพาะ คือกลุ่มนี้เขาพร้อมที่จะรับอยู่แล้ว ก็คงไม่ยากเย็นนัก แต่ก็อย่างอาจารย์ทั้งหลายว่า มันเป็นการตบมือข้างเดียวจริงๆ ถ้าเราไม่พัฒนาคนของเราก่อน เพราะเอาเข้าจริงๆ แล้ว ปัจจุบันนักเรียนไทยอ่อนทุกวิชา ไม่ใช่ภาษาอย่างเดียว เพราะบ้านเราออ่านหนังสือกันน้อย น้อยมากด้วย  อันนี้ต้องยอมรับ คนไม่ค่อยสนใจหาความรู้เพิ่มเติม ไม่ใช่ว่าเด็กเราไม่เก่ง แต่ถัวเฉลียแล้วเราอาจสู้ประเทศอื่นไม่ได้ คือใน 10 คน อาจมีโดดเด่น แค่ 1- 2 คน ในขณะที่ประเทศอื่น อาจ มี 3 หรือ 4  สุดท้ายขอยกตัวอย่าง คนที่รู้จักคนหนึ่ง ซึ่งเรียกว่าประสบความสำเร็จในการใช้ภาษา เพราะมีวุฒิแค่ ม. 6 แต่ สามารถฟังพูดอ่านเขียนอยู่ในระดับดีมาก ไม่ได้แม่นไวยกรณ์เป๊ะๆ ไม่ได้นั่งอ่านหนังสือทั้งวัน แต่เขากล้าที่จะพูด กล้าที่จะใช้ เขาพูดอยู่ประโยคหนึ่งที่ติดหัวผมทุกวันนี้คือ "ภาษาอังกฤษน่ะง่ายนะ มันมีแค่ 26 ตัวเอง ไม่เหมือนภาษาไทย มีตั้ง 44 ตัว ไหนจะมีสระอีก" ฟังดูแล้วมีกำลังใจไหม ฮา ฮา ฮา

By ไวศย Date 2011-08-03 21:25:04 IP : 58.8.78.232


Opinion No. 5 (3302343)

ขอยกตัวอย่างเรยาล่ะกันนะครับ เรยาอยู่กับนายแหม่มจนโต แต่ไม่จบปริญญาตรี เพราะการจะเป็นแอร์ที่เมืองไทย ต้องใช้วุฒิ ป ตรี สมัคร เธอจึงต้องลักไก่ ยอมเสียตัว ถามว่าถ้าสังคมไทย ไม่บ้าการสอบ เธอจะต้องกลายเป็นคนเลวอย่างนี้ไหม?

บางหน่อยงาน กำหนดตายตัวมาเลย ว่าคุณต้องจบปริญญาโทสาขาภาษาอังกฤษ อันนี้ไม่ได้องุ่นเปรี้ยวเพราะตัวเอง ได้วุฒิภาษาอังกฤษเฉยๆ แบบกลางๆ เพราะเพื่อนๆ ที่เรียน สาขาภาษาศาสตร์ประยุกต์ การสอนภาษาอังกฤษ วรรณคดีเปรียบเทียบ หรือ ภาษาเพื่อการพัฒนา ไม่สามารถมาสอบได้ แบบหวย Lock เบอร์ ทั้งๆ ที่คนที่เขาจบวุฒิที่ทางราชการไม่กำหนดนั้น อาจจะเก่งกว่าก็ได้ ซึ่งถ้าเราไปดูระบบญี่ปุ่น เขาจะไม่สนเลย เขาจะดูว่า อย่างน้อยๆ คุณต้องได้ภาษาระดับ 2

แล้วทำไมต้องสอบ เพราะ บ้านเรา แย่งกันกิน แย่งกินอยู่ ออกจากบ้านตอนเช้า ไม่ว่าคุณจะรวยแค่ไหน คุณก็เจอรถติด แล้วภาษาต่างๆ ที่มันไม่ได้ใช้เพราะอะไร ก็เพราะสังคมไง สังคมเราไม่ใช้สังคมพหุ ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส นักเรียนคิดว่า แค่สอบให้ผ่านไป แล้วโยนทิ้ง ครูก็สอนเพื่อให้เด็กเอาไปสอบเท่านั้น

กลายเป็นว่า คนที่ต้องรับบาป คือ อาจารย์ที่สอนเด็กปีหนึ่ง ที่ต้องปั้นดินให้เป็นดาว เพราะเด็กไม่เคยเขียน เด็กเข้ามาได้ด้วยกากบาท

แล้วสังคมเราเป็นอะไรที่แบบว่าหลอกตัวเอง พอจะใช้เกรดเข้า ก็ปล่อยเกรดกันบาน เป็นครูต้องเรียนห้าปี หรือต้องมาเรียนเพิ่มเอาใบประกาศอีก หนึ่ง ซึ่งก็ไร้สาระสุดๆ มีกระทั้งต้องไปซื้อวุฒิกันมา

เรื่องของเรื่องคือ คนไทยยังมองอะไรแบบ inward เช่นไม่คิดว่า ฝรั่งควรมีสิทธิลงหลักปักฐานหรืออาศัยในประเทศไทยถาวรได้ ฝรั่งไม่ใช่ส่วนหนึ่งในสังคมไทย และไม่เคยสำเหนียกว่าตัวเองอยู่ในสังคมโลก

โง่ไม่ว่า แต่เป็นประเภทคิดว่าตัวเองไม่เกี่ยวข้องอะไรกะโลกภายนอก

 

By เพลง Date 2011-08-03 22:03:45 IP : 61.90.14.162



[1]


Opinion
Opinion *
By  *
E-Mail 
Don't Display E-mail



Copyright © 2010 All Rights Reserved.