อ่อ อาจารย์ประวิทย์ อิอิ สอนวิชาโฟเนติคค่ะ T__T

อ่อ แล้วถ้าเป็นคนที่ไม่เคยอ่านหนังสือเป็นงานอดิเรกมาก่อน แต่ชอบแปลอ่ะค่ะ จะทำยังไงดีให้มีนิสัยรักการอ่านมากขึ้นคะ แล้วที่อาจารย์บอกว่าหาความหมายของคำแต่ละคำเนี่ย อาจารย์ใช้ดิกชันนารีหลายๆเล่มเลยรึป่าวคะ หรือถ้าดิกชันนารีแบบไหน ของอะไรที่อาจารย์แนะนำบ้างคะ

การอ่าน ไม่ได้หมายความว่าอ่านหนังสืออย่างเดียวนะครับ แต่อ่านสื่อทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในสายตาเรา ถ้าเราไม่ชอบอ่าน ก็ฟังแทนได้ อย่างอาจารย์ต้นเป็นคนชอบฟังมากกว่าอ่าน เพราะอ่านแล้วเมื่อยแขนเมื่อยสายตา ก็ใช้วิธีฟังคนที่พูดภาษาเพราะ ๆ คนไหนที่ออกทีวีแล้วพูดชัด พูดภาษาสวย สื่อความรู้ได้ดี อาจารย์ก็จะหยุดฟัง อย่างเสียงคุณศันศนีย์ได้ยินเมื่อไหร่ก็หยุดฟัง หรือคนอ่านสารคดีที่ไม่มั่ว อาจารย์ก็จะหยุดฟัง แต่ถ้าพูดไม่รู้เรื่อง (อย่างช่องสามมีหลายคน) ก็จะรำคาญ ร เรือก็ดัดจริตเป็นตัว อาร์ อยากถามว่าไปอยู่เมืองนอกมานานหรือ ภาษาไทยเลยไม่ชัด ถ้าตอบว่าไปอยู่มาสองสามปีละก็ นั่นแสดงว่าขดประสาทในสมองมีปัญหาแล้วละ คนพูดจาไม่รู้เรื่อง อาจารย์ไม่ค่อยอยากฟัง ฮ่า ๆ ไม่ใช่อายุเริ่มมากแล้วจู้จี้ เป็นอย่างนี้ตั้งแต่เด็ก เราต้องรู้ที่จะเลือกของดีเข้าหูเราเหมือนกัน

ส่วนเรื่องความหมายของคำ ก็ต้องใช้ดิกชันนารี่ยืนยันกันหลายครั้งเมื่อสมัยก่อนนะ แต่เดี๋ยวนี้ เรามีอินเตอร์เน็ต เราสามารถหาได้ทุกอย่างบนอินเตอร์เน็ต มันคือของวิเศษแห่งยุคทีเดียว เพียงแต่ว่าเราต้องวางกรอบการค้นหาให้เป็น อย่างคำว่า tiroir ถ้าเราวางกรอบการค้นหาทั่ว ๆ ไปเราก็จะได้บทแปลว่า ลิ้นชัก แต่ถ้าวางกรอบการค้นหาในเรืองของแม่พิมพ์ เราก็จะได้ศัพท์เทคนิคที่ตรงกันและเรียกว่า สไลด์ อย่างนี้เป็นต้น การแปลเป็นเรื่องเหนือภาษา จำเอาไว้นะครับ

ชอบจำบางอย่างที่มันน่าสนใจ *-* (เลือกฟัง)

เช่นข่าวเรื่อง เสื้อแดง เหลือง ชมพู ขาว พวกเนี้ย ไม่ค่อยจาฟัง

อิอิ

หมดอนาคตทางการแปลไปโดยปริยาย

เหมือนพี่เลยค่ะ ถ้าพูดเรื่องการเมืองพี่ขอพักค่ะ อิอิ

คนไทย พูดกันได้ง่ายๆ

ว่า อยากให้สามัคคีกัน ไม่อยากแตกแยก

แต่ที่ทำๆ ไป ก็ ได้ผลมาคือ ความแตกแยก เท่านั้นเอง

หนังสือการ์ตูน ที่บลิวอ่านก็ยังบอกนะ ว่า

การพัฒนาของมนุษย์มันก็นำมาซึ่งความแตกแยก เมื่อความเห็นไม่ลงรอยกัน และก็กลายเป็นสงคราม

วันนี้ได้ยินในทีวี เป็น พระบรมราโชวาท ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ  ว่า

เวลาในตอนนี้ คนควรมองในหน้าที่ของตนให้ดี แล้วทำมันให้ดี

บลิวก็คิดในมุมของบลิวนะ มันก็จริง ถ้าคนทุกคนตั้งใจทำในหน้าที่ของตน มันก็จะไม่มีซึ่งความวุ่นวายเลย

แล้วก็คิดต่อ ว่ามันแตกแยกได้ไง ได้คำตอบมาก็คือ ความไม่รู้จักพอ * *

ขอโทษครับ

เอิ้กๆ ไม่คิดว่าจะเข้าใจไปแบบนั้น

พูดถึงเรื่องไม่เข้าใจ วันนี้เลยมีอะไรมาถาม อ.ต้นอีกและ

พอดีน้องชายของพ่อไปญี่ปุ่นแล้วซื้อขนมมา แต่ที่กล่องมันเขียนว่า

chocolat blanc et langue de chat

บลิวก็แปลไปตามความหมายที่รู้ คือ ชอคโกแลทขาว และ ลิ้นของแมว(ห้ามหัวเราะนะครับ * *)

เปิดดิกหาความหมายของ chat แล้ว เพราะคิดว่ามีหลายความหมาย แต่มันแปลว่าแมวอย่างเดียวเลยอ่า

เลยอยากถาม อ.ต้น ว่า มันมีความหมายอย่างอื่นรึเปล่าครับ เอิ้กๆ ไม่ค่อยกล้ากิน ขนมลิ้นแมว * *

อ่อ

อีกข้อครับ ขอถามน้า พี่เพลง นี่ ช ญ อ่า * *

แรกๆบลิวตีว่าหญิง แต่เห็นเม้น ว่า ครับ เลยคิดว่าชาย

แต่ข้างบนเห็นเม้นว่า ค่ะ ตอนนี้เลยสับสนล่ะ * * ทีนี้

ปล.ขอโทษอีกครั้งครับที่สื่อสารไม่ชัดเจน *-*

อืม ลุ่มลึกดีนะ คุยกันมีสาระอย่างนี้ดี เมื่อใดก็ตามที่วงความรู้ของเรา มาประสานกับวงความรู้คนอื่น วงความรู้มันก็จะใหญ่ขึ้น เราจะรู้และเข้าใจมากขึ้น ไม่ว่าจะเห็นตรงกัน หรือขัดแย้งกัน มันก็คือความรู้ที่กว้างขวางมากขึ้น 

ต่างคนต่างที่มา ต่างเหตุผล ต่างความต้องการ บางทีเราต้องยอมที่จะไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการบ้าง เพื่อให้คนอื่นได้ไปบ้าง และเราก็ควรยินดีที่คนอื่นได้ แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้น เรากำลังยอมไม่ได้เมื่อไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ เราไม่ยินดีที่คนอื่นได้บ้าง คนเมืองทอดทิ้งคนชนบท เอาแต่กอบโกย ตักตวง เอาเปรียบ คนชนบทละทิ้งความแน่วแน่ อยากมีอยากได้ อยากเป็น แต่นั่นเป็นเรื่องธรรมดา ก็เพราะทุกคนมีกิเลส กิเลสทำให้ทุกคนลืมหน้าที่ที่ตนเองมีต่อผู้อื่น ทุกคนละเลยสังคม สายใยที่ยึดสังคมให้แข็งแกร่งมันขาดกระจุยไปนานแล้ว วันนี้จึงกลายเป็นว่า ต่างคนต่างเดิน ต่างคนต่างพวกพ้อง สิทธิในการยืนบนแผ่นดินไทยไม่เท่ากัน อ. ต้นชักไม่มั่นในว่าเราจะผ่านวิกฤตินี้ไปได้ ไม่มั่นใจจริง ๆ แต่มองโลกในแง่ดี เราทุกคนกำลังเรียนรู้ หวังว่าความรู้และประสบการณ์แบบนี้จะนำไปสู่สังคมที่ดีกว่าในอนาคต จะได้มีต้องมาทะเลาะกันให้ประเทศเพื่อนบ้านดีใจ

ส่วนลิ้นแมวนั่น หมายถึงบิสกิตชนิดหนึ่งนะ ไม่ใช่ลิ้นแมวเคลือบไวท์ชอค กินไม่ลงแน่ ไม่งั้นอาจารย์จะส่งของฝากจากร้อยเอ็ดไปชุบไวท์ชอคแล้วส่งให้บลิวกิน

^^

ไม่รู้จักเลย เอิ้กๆ

อ.ต้นยังไม่ตอบเลย

chocolat blanc et langue de chat

chat มีความหมายอื่นมั๊ยอ่ะครับ

แต่ก็ดินไปหมดละ ฮะๆ *-*

หน้ากล่องมีประวัติความเป็นมาแบบสั้นๆอยู่ด้วย เอิ้กๆ

แต่ก็ยังตีความ langue de chat ไม่ได้ทีอ่า T_T

ตอบแล้วบลิว อ่านไม่เจอหรือไง ข้างล่างสุดน่ะ ดูสิ ยังไม่แก่เลย ตาไม่ดีเสียแล้ว มันก็เหมือนขนมขี้หนู แต่ไม่ใช่ขี้หนูจริง ๆ

สำนักมธ นี่ อาจารย์นพพร อาจารย์อมรรัตน์ แหงม ๆ อาจารย์ไม่เชื่อว่าสมัยนี้ผู้หญิงจะตกเป็นเหยื่ออันโอชะของผู้ชายง่าย ๆ เห็นอกสามศอกโดนจัง ๆ มานั่งร้องไห้เสียคนตั้งหลายหนแล้ว

ฮ่าๆ

พูดตามจริงบลิวมองไม่เห็นทั้งเม้นเลย

อนาถจริงๆ (สายตาน้อ เพิ่ง17ทำไมมันเหมือนคน70 มองข้ามไปได้ทั้งเม้น T_T)

ปล.บลิวตีความไปเองว่ามันน่าจะหมายถึงคุกกี้หรืออะไรซักอย่าง ไม่แน่ใจเพราะคำว่า et คำเดียวเลย - -

ปล2.ขนาดไม่กล้า ล่อซะหมดกล่อง ฮ่าๆ

ปล3.เดี๋ยวนี้ผู้หญิงน่ากลัวได้อีก บางคนโหดชะมัด บางทีเข้าไปเล่นเกมแก้เบื่อๆหรือผ่อนคลาย เป็นเกมออนไลน์

เจอผู้หญิงเล่นแบบว่าเป็นกลุ่ม แล้วก็เล่นโหดซะด้วย (เป็นเกมแนวสงคราม) เล่นแบบว่า เอามีดฟันๆ เอิ้กๆ

เห็นแล้วกลัวเลยอ่า เมื่อก่อนก็โดนเพื่อนผู้หญิงตีเอาๆ แต่ก็ไม่ทำคืน (ไม่ใช่ว่ากลัว แต่ว่าให้เกียรติ อิอิ เป็น ช. ทำ ญ. ไม่ได้ สอนตัวเองมางี้ เลยต้องยอม)

บางเรื่องต้องปกป้องเขา แต่บางเรื่องเขาต้องดูแลเรา เอิ้กๆ

ฮ่าๆ

บางคนน่ากลัว จริงๆ

ตัวสูงกว่าผู้ชายเยอะแยะเลย ผู้หญิงเดี๋ยวนี้ (ผมเตี้ยไปเลยไปยืนใกล้ๆ)

พูดถึงผุ้หญิงก็นึกถึงข้างบ้าน - - เค้า 40 แล้วยังไม่แต่งงานที(ญ.)

เค้าบอกว่าดูทีวี แล้วเห็นรายการ ที่เทียบอัตราส่วน ช ต่อ ญ ว่า

ผู้ชาย 1 คน สามารถ มีภรรยาได้ 5 คน (เป็นอัตราส่วน แต่เห็นที่อินเดียเค้าก็ไม่ถือกัน มีแบบนี้)

ข้างบ้านเค้าก็บอก ว่า ผู้ชายมีน้อยๆ แล้วยัง ไปเป็น เก้ง กวาง อีก เค้าบอกเสียดายของ

นั่งฟังเค้าเล่า ก็ ฮา มันก็จริง แต่ก็ดี เป็น เก้งเป็นกวางให้เยอะๆ เราจะได้มีคนมามองมั่ง เพราะเป็นส่วนที่เหลือ อยู่ ฮ่าๆ

พูดถึงเก้งกวางละมีปม เคยโดนพวกนี้ขับมอไซไล่ วิ่งกับเพื่อน 6 คน วิ่งกันตาเหลือกเลย(เพื่อนมันปากอยู่ไม่นิ่ง พาซวยยกกลุ่ม)

คนเรามันก็น่ารักกันไปคนละแบบ มันคือความหลากหลายที่มีมาตั้งแต่โบราณแล้วนะครับ แต่สังคมยังไม่เปิดกว้างพอและไม่พร้อมที่จะยอมรับ ทุกวันนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้นไม่มากก็น้อย เคยมีฝรั่งคนหนึ่ง เป็นคนเยอรมัน เขาสอนคนฝรั่งที่มีอคติกับเก้งกวางเหล่านี้ว่า ปัญหามันอยู่ที่ใจเราเอง ไม่ได้อยู่ที่พวกคนเหล่านั้น ถ้าเปิดใจกว้าง เราก็จะเข้าใจเขามากและเข้าใจว่านั่นก็คือธรรมชาติ นี่ฝรั่งสอนฝรั่งกันเองเลยนะ อาจารย์ต้นได้แต่มองแล้วก็ทึ่งว่า เออนะ ในสังคมที่เรียกว่าก้าวหน้าในยุโรป ก็ยังมีความเหลื่อมล้ำด้านทัศนคติอยู่ไม่น้อย แล้วยังมีประโยคหนึ่งที่เมื่อเอามาคิดแล้วก็บรรลุว่าจริง ก็คือ ความรัก ไม่ว่าจะเป็นระหว่างใคร ก็มีรูปแบบเดียว เป็นความรักแบบเดียวกัน ก็คือความปรารถนาที่จะให้คนที่เรารักมีความสุข เขาว่าอย่างนั้นนะ อาจารย์ก็เลยสนับสนุนว่า รักกันไปเหอะ ยังไงก็ได้ ระหว่างใครก็ได้ ดีกว่าเกลียดกัน แล้วก็ก่อให้เกิดปัญหาอย่างที่เห็นกันตอนนี้  บลิวว่าจริงหรือเปล่าล่ะ

ว่าแต่เมื่อวันนั้นถ้าบลิวถูกจับตัวได้ คงแย่...